ทัวร์บอลข่าน โครเอเชีย บอสเนีย มอนเตเนโกร ออสเตรีย


Tour by HappyLongway

รายละเอียดโปรแกรมทัวร์-ทัวร์บอลข่าน โครเอเชีย บอสเนีย มอนเตเนโกร ออสเตรีย

รหัสทัวร์ : GRAND BALKANS 12 DAYS (OS)
ระยะเวลา 12 วัน 9 คืน
สายการบิน : Austrian Airlines (OS)

กำหนดการเดินทาง

รอบที่ วันเดินทาง ราคา
1 23 เม.ย. 67 - 4 พ.ค. 67 193,900 บาท
2 14 พ.ค. 67 - 25 พ.ค. 67 193,900 บาท
3 11 มิ.ย. 67 - 22 มิ.ย. 67 199,900 บาท

สถานที่สำคัญ

  • 1
    อุทยานแห่งชาติ PLITVICE LAKES 1 ในอุทยานที่สวยที่สุดในโลก (Unesco)
  • 2
    ชมเมือง DUBROVNIK เมืองเก่าที่สวยที่สุดในประเทศโครเอเชีย (Unesco)
  • 3
    ชมกรุง ZAGREB เมืองหลวงของประเทศโครเอเชีย
  • 4
    ชมเมือง MOSTAR เมืองเก่าที่สวยที่สุดในประเทศบอสเนีย (Unesco)
  • 5
    ชมเมือง KOTOR เมืองเก่าสุดสวยของประเทศมอนเตเนโกร (Unesco)
  • 6
    ชมเมือง ROVINJ หนึ่งในเมืองสวยที่ห้ามพลาดของโครเอเชีย UNSEEN
  • 7
    ชมเมือง TROGIR เมืองเก่าสมัยโรมันทีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (Unesco)
  • 8
    ชมเมือง SPLIT หนึ่งในเมืองสวยมีพระราชวังอันสวยงาม (Unesco)
  • 9
    ชม ZADAR หนึ่งในเมืองสวยริมทะเลอเดรียติก
  • 10
    ชมหมู่บ้าน RASTOKE หมู่บ้านสุดสวย UNSEEN
  • 11
    ชมสนามกีฬา PULA ARENA หนึ่งในสนามโคลอสเซียมของโรมันที่ยังหลงเหลืออยู่
  • 12
    ชมเกาะ Our Lady of the Rocks เกาะสุดสวยเมือง KOTOR UNSEEN
  • 13
    ชมเมือง OPATIJA หนึ่งในเมืองตากอากาศสุดสวย UNSEEN
  • 14
    ชมเกาะ SVETI STEFAN เกาะสุดสวยแห่งมอนเตเนโกร UNSEEN
  • 15
    ชมเมือง GRAZ เมืองได้รับรางวัลเมืองแห่งวัฒนธรรมของยุโรป (Unesco)
  • 16
    ชมกรุง VIENNA พร้อมช้อปปิ้ง
  • 17
    ช้อปปิ้ง PARNDORF OUTLET

HappyLongWay
ขอนำเสนอโปรแกรมทัวร์ยุโรป
ทัวร์บอลข่าน
โครเอเชีย – บอสเนีย – มอนเตเนโกร – ออสเตรีย
12 วัน 9 คืน โดยสารการบิน Austrian Airlines (OS)

DAY1

สนามบินสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ) - เวียนนา (ออสเตรีย)

  • 20.00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ G สายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ พบเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวก
  • 23.40 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย สายการบิน Austrian Airlines โดยเที่ยวบินที่ OS 026
DAY2

เวียนนา - กราซ (ออสเตรีย) - กรุงซาเกรบ (โครเอเชีย)

  • 05.35 น. เดินทางถึง สนามบินเวียนนา ประเทศออสเตรีย หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมบริเวณสนามบิน

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองกราซ (GRAZ) (ระยะทาง 205 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 15 นาที) ระหว่างทางชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองเกษตรกรรมทั้งสองข้างทาง
  • นำท่านชมเมือง กราซ (Graz) ซึ่งได้รับการยกย่อยให้เป็นเมืองศิลปะวัฒนธรรมแห่งยุโรป (Cultural City of Europe) ที่มีการผสมผสานระหว่างความคลาสสิคของเมืองเก่าและทันสมัยของเมืองใหม่ในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างลงตัวที่สุด เมืองกราซ (Graz) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศออสเตรียเป็นรองเพียงแค่เมืองหลวงกรุงเวียนนาเท่านั้น ยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนรับรองให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1999 (Unesco) และได้ยังคงรับเลือกให้เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรปในปี ค.ศ. 2003

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

  • จากนั้นนำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่ เมืองซาเกรบ (ZAGREB) (ระยะทาง 190 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 2.30 ชั่วโมง) เป็นเมืองหลวงของประเทศโครเอเชีย (Croatia) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปี โดยเมืองซาเกรบได้เฉลิมฉลองครบรอบ 900 ปี ในปี ค.ศ.1994 ที่ผ่านมาเป็นเมืองหลวงที่อุดมไปด้วยวัฒนธรรมและสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์มากมาย และเป็นหัวใจของการปกครองเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของประเทศ                                                                                                                 Fun Things to do in Zagreb in Winter (plus full guide!)

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
SHERATON HOTEL ZAGREB ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า

DAY3

กรุงซาเกรบ - โอพาเทีย

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านผ่านชม มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น (St. Stephen’s Cathedral) (หมายเหตุ มหาวิหารปิดปรับปรุงเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหว ตั้งแต่ เดือนมีนาคม 2020) สถาปัตยกรรมที่มีอายุเก่าแก่กว่า 800 ปี และปัจจุบันได้บูรณะปฏิสังขรณ์ในสไตล์นีโอ-โกธิค (Neo-Gothic) งดงามด้วยหอคอยแฝดปลายแหลมสีทองอร่าม ภายในประดิษฐานรูปนักบุญองค์สำคัญต่างๆ เช่น นักบุญเซนต์ปีเตอร์, เซนต์ปอลล์ ฯลฯ
  • นำท่านชมเมืองตอนล่าง (Lower Town) จัตุรัสกลางเมืองที่ล้อมรอบด้วยห้างร้านนำสมัยแหล่งชุมชนและศูนย์กลางเมืองของชาวซาเกรบ อันเป็นจุดที่รถรางสายสีฟ้าทั้งรุ่นใหม่และเก่า มาประจบกันที่นี่
  • ชม อนุสาวรีย์ Ban Josip Jelačić ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ซึ่งต่อสู้เพื่อความอิสระจากชาวฮังการีเมื่อปี ค.ศ. 1848 ต่อด้วยนำท่านสู่ย่าน Flower Square อันเป็นที่ตั้งของโบสถ์ออโธดอกซ์ ที่มีเพียงไม่กี่แห่งในกรุงซาเกรบ
  • นำท่านขึ้นรถรางไฟฟ้า (Funicular) สู่เมืองตอนบน Upper Town เป็นรถรางสายที่สั้นที่สุดในยุโรป โดยใช้เวลาในการขึ้นเพียง 57 วินาที ชมวิวทิวทัศน์จากจุดชมวิวของเมืองตอนบนที่สร้างขึ้นสมัยศตวรรษที่ 17 ที่มีซุ้มเป็นประตูหิน
  • ผ่านชมโบสถ์ เซนต์ มาร์ก (St. Mark’s Church) ที่มีหลังคาสวย แปลกตาไม่เหมือนที่ไหนใดในโลก ชมประตูเมืองโบราณ เป็นที่ตั้งของ รูปไอคอนพระแม่มารี ที่รอดพ้นจากเหตุไฟไหม้ในสมัย ศตวรรษที่ 19 โดยในเหตุการณ์ตอนนั้นทุกอย่างถูกเผาไหม้ มีเพียงรูปไอคอนที่ยังคงเหลือ จนทำให้ผู้คนต่างหลั่งไหลมาขอพรกันมากมาย อิสระให้ท่านเดินชมเมือง หรือ ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านออกเดินทางสู่ภาคตะวันตกของประเทศโครเอเชีย ซึ่งมีชื่อเรียกภูมิภาคนี้ว่า แคว้น “อิสเตรีย” (Istria)
  • นำท่านเดินทางสู่เมือง โอพาเทีย (Opatija) (ระยะทาง 175 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที) เมืองที่มีสมญานามว่า “ไข่มุกแห่งทะเลอาเดรียติก”
  • ท่านชมตัวเมือง แวะถ่ายรูปกับรูปปั้น นางแห่งนกนางนวล (Maiden with the Seagull) ซึ่งเป็นรูปปั้นที่แกะโดย ZVONKO CAR เป็นรูปสตรีงดงามที่มีนกนางนวลเกาะอยู่ที่มือ ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งเมือง มีเวลาอิสระตามอัธยาศัยให้ท่านได้เดินชมเมืองโอพาเทีย                                      Maiden with a Seagull | Two seagulls, actually! | Flickr

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
HOTEL AMBASADOR OPATIJA หรือระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า (พัก 2 คืน)

DAY4

โอพาเทีย - พูล่า - สนามกีฬาโคลอสเซียม - โรวินจ์ - โอพาเทีย

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านเดินทางสู่เมือง พูล่า (Pula) (ระยะทาง 100 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที) ระหว่างทางผ่านชมท้องทะเลสีครามสวยงามที่สุด โดยตรงข้ามจะมีเกาะใหญ่ 2 เกาะคือ เกาะ KRK ซึ่งเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศโครเอเชีย และ เกาะ CRES
  • นำท่านเข้าชมสิ่งก่อสร้างในสมัยโรมันที่ยิ่งใหญ่ ที่ยังคงเหลือเป็นอนุสรณ์และสำคัญที่สุดคือ สนาม พูล่า อารีน่า (PULA Arena) หรือ AMPHITHEATER สนามกีฬากลางแจ้ง ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโคลอสเซียม ที่กรุงโรม นับเป็นอารีน่าที่ใหญ่เป็นอันดับหกที่สร้างขึ้นในยุคโรมันเรืองอำนาจ จึงถูกสร้างขึ้นตามแบบฉบับสถาปัตยกรรมโรมันอย่างเดียวกับโคลอสเซียมของกรุงโรม สามารถจุผู้คนได้ถึง 22,000 คนPula Arena - History and Facts | History Hit
  • นำท่านเดินทางสู่ โรวินจ์ (Rovinj) หนึ่งในเมืองสวยที่ห้ามพลาดเมืองมาเยือนประเทศโครเอเชีย (ระยะทาง 40 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที) เมืองสวยชายทะเลที่ตั้งอยู่บนแหลมอีสเตรีย ด้วยความที่ดินแดนแห่งนี้ถูกปกครองโดยเวเนเชี่ยน และอยู่ภายใต้การปกครองของอิตาลีมาก่อน ทำให้สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของเมืองนี้มีความคล้ายคลึงกับอิตาลีเป็นอย่างมาก

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเดินชม เมืองโรวินจ์ (Rovinj) เป็นเมืองที่สวยงาม ชมอาคาร บ้านเรือนและตรอกซอกซอยขนาดเล็ก ที่พื้นปูด้วยหินก้อนเล็กก้อนน้อยโรวินจน์เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยร้านจำหน่ายของที่ระลึก,ร้านกาแฟ และร้านอาหารต่าง ๆ อย่างมากมาย                                                                                                File:Rovinj, Croatia (15750107525).jpg - Wikimedia Commons
  • นำท่านชม โบสถ์ Euphemia ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา โบสถ์สไตล์บาร็อคที่มียอดโบสถ์สูงถึง 61 เมตร และถือได้ว่าเป็นยอดโบสถ์ ที่สูงที่สุดของแคว้น ชมเขตเมืองเก่า ที่เต็มไปด้วยความงดงามของตึกรามบ้านช่องที่เรียงเป็นแนวยาวในตรอกเล็กๆ ริมชายฝั่งทะเลอาเดรียติก
  • จากนั้นมีเวลาให้อิสระเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย จนได้เวลาอันสมควร
  • นำท่านเดินทางกลับสู่เมือง โอพาเทีย (Opatija) (ระยะทาง 85 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที)

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
HOTEL AMBASADOR OPATIJA หรือระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า

DAY5

โอพาเทีย - รัสต็อคเก้ - อุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ่ (UNESCO) - ซาดาร์

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติ พลิตวิเซ่ (Plitvice National Park)
  • ระหว่างทางนำท่านแวะเที่ยวชม หมู่บ้านท้องถิ่นระหว่างทางในเขตเมืองสลุน (Slunj) มีชื่อเรียกกันว่า รัสต็อคเก้ (Rastoke) (ระยะทาง 160 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 20 นาที) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนแม่น้ำโคราน่า ที่ไหลรวมกันมาจากอุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ่ หมู่บ้านแห่งนี้ถูกสร้างในตอนปลาย ศตวรรษที่ 19 จนถึงต้นศตวรรษที่ 20 ปัจจุบันมีบ้านของชาวพื้นเมืองประมาณ 30 หลังคาเรือน ยังคงอาศัยในหมู่บ้าน และยังคงทำโรงโม่แป้ง จากกระแสน้ำขึ้นตามธรรมชาติ แวะถ่ายรูปกับหมู่บ้าน2023 Day Trip Zagreb- Rastoke-Plitvice lakes provided by Sit`N`Trip
  • นำท่านเดินทางเข้าสู่ อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ (National Park Plitvice Jezera) (ระยะทาง 26 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที) อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เป็นอุทยานแห่งชาติ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1979 อุทยานแห่งนี้มีเนื้อที่กว่า 296 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยผิวน้ำทะเลสาบสีเขียวมรกตและสีฟ้ารวมกันถึง 16 ทะเลสาบ

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง เมนูปลาเทราซ์

  • นำท่านชม อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ ท่านจะได้ชมความงามของทะเลสาบและน้ำตกที่ไหลรวยรินลงสู่ทะเลสาบทั่วทุกหนทุกแห่ง ชมฝูงปลาแหวกว่ายในสระน้ำใสราวกระจกสะท้อนสีครามของท้องฟ้า แวดล้อมด้วยหุบเขา ต้นไม้ใหญ่ที่ร่มรื่น                                                                                           Plitvice lakes in autumn
  • นำท่านสู่ท่าเรือล่องเรือข้าม KOZJAK LAKE ที่เชื่อมระหว่างทะเลสาบล่างขึ้นสู่ชั้นบนของอุทยาน (LOWER & UPPER LAKE) จากนั้นเพลิดเพลินกับธรรมชาติอันงดงามและอลังการของ LOWER LAKE ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่และงดงามท่ามกลางหุบเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่าน อีกทั้งยังเชื่อมต่อด้วยน้ำตกต่างๆมากมาย
  • นำท่านเดินชมทะเลสาบต่างๆ ตามทางเดินสะพานไม้ที่เชื่อมแต่ละทะเลสาบเข้าด้วยกันทั้ง 16 แห่ง และนอกจากนั้นบริเวณรายล้อมยังเต็มไปด้วยถ้ำน้อยใหญ่กว่า 20 ถ้ำ และชม Big Waterfalls เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งนี้
  • จากนั้นนำท่านสู่เมือง ซาดาร์ (ZADAR) (ระยะทาง 130 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาที) แคว้นดัลเมเชีย (Dalmatia) แคว้นทางตอนใต้ที่มีลักษณะภูมิอากาศและภูมิประเทศแบบเมดิเตอร์เรเนียนขนานแท้ หากใครเคยได้ยินชื่อหรือรู้จักสุนัขพันธุ์ “ดัลเมเชี่ยน” (Dalmatian) ดินแดนดัลมาเชียแห่งนี้คือต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์นี้นี่เอง

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมืองโรงแรมที่พัก
FALKENSTEINER CLUB FUNIMATION BORIK HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

DAY6

ซาดาร์ - โทรเกียร์ (UNESCO) - สปลิท - ชมพระราชวังโบราณ (UNESCO)

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านชมเมืองซาร์ดาร์ โดยเริ่มจากจัตุรัสกลางเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง และร้านค้าเล็กๆอยู่ไม่กี่แห่ง ถัดมาไปชมบรรยากาศของเมืองเก่า
  • ชม โรมันฟอรัม (Roman Forum) ลานประชุมกลางเมือง ที่ปัจจุบันหลงเหลือเพียงแค่ซากปรักหักพัง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งตะวันออกของทะเลเอเดรียติก (Adriatic Sea) โบสถ์ เซนต์ โดแนท (St. Donatus Church) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเดียวกันกับโรมันฟอรัม ซึ่งเป็นโบสถ์ไบเซนไทน์ที่ใหญ่ที่สุดในดัลเมเทีย ซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 9 โดยตัวอาคารนั้นสร้างแบบหลังคาทรงกลม ใช้งานสำหรับพิธีกรรมทางศาสนา ปัจจุบันได้กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองซาดาร์ไปแล้วด้วย ถัดไปใกล้ๆกันจะเป็น โบสถ์ เซนต์ แมรี่ (St. Mary’s Church) ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับการเก็บงานศิลปะ วัตถุโบราณที่มีความสำคัญทางศาสนา
  • ชม มหาวิหารเซนต์ อนาตาเซีย (St. Anastasia Cathedral) คริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในดัลเมเทีย ซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 4 ถึง 5 เป็นประจำเมืองซาดาร์ แม้ว่ามหาวิหารจะผ่านการถูกทำลายในสงครามมาแล้วก็ตาม                                                                                            Cathedral of St Anastasia - Zadar - Arrivalguides.com
  • จากนั้นนำท่านชม ซีออร์แกน (Sea Organ) ในปัจจุบันเป็นสถานที่นัดพบของหนุ่มสาว ชาวซาดาร์สามารถฟังเสียงของออร์แกนทะเลตัวนี้โดยใช้แรงลมจากทะเลเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดเป็นเสียงดั่งออร์แกน สร้างสรรค์ผลงานสุดน่าทึ่งชิ้นนี้โดย Nikola Bašić สถาปนิกท้องถิ่น ที่ได้รับมอบหมายโจทย์จากเทศบาลเมือง ให้สร้างผลงานสถาปัตยกรรมเพื่อให้เป็นสีสันและจุดจดจำแห่งใหม่ของเมือง แทนที่โบราณสถานอันทรงคุณค่ามากมาย ที่ถูกทำลายลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองจนเหลือเพียงซาก นอกจากนี้ยังมี “Greeting to the Sun” สร้างขึ้นโดยสถาปนิก Nikola Basic ซึ่งเขาได้ใช้แผงโซลาเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์มาสร้างสรรค์เป็นสถาปัตยกรรมงานศิลปะที่น่าทึ่ง
  • นำท่านเดินทางสู่เมือง โทรเกียร์ (TROGIR) (ระยะทาง 130 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม. 45 นาที) เมืองสวยที่เป็นมรดกโลก ระหว่างทางผ่านชมเมืองที่มีสภาพเป็นเกาะอยู่โดดเดี่ยวสวยงามมีชื่อเสียงของโครเอเชีย คือ เมืองพรีโมสเตน ซึ่งเป็นเมืองเล็กที่สวยงามและเป็นเกาะเล็กๆ ในสมัยก่อนมีคนยกย่อง ให้ชาวเมืองนี้เป็นชาวเมืองที่มีความอดทนมาก ต่อการใช้ชีวิตเนื่องจากภูมิประเทศเป็นภูเขาหินแต่ยังอุตสาหะปลูกพืชและทำการเกษตรกรรม

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านชมเขตเมืองเก่าโทรเกียร์ที่มีสถาปัตยกรรมในสไตล์ กรีก – โรมันโบราณ อาทิเช่น ประตูเมืองเก่าที่ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่เมื่อศตวรรษที่ 16 , หอนาฬิกาที่สร้างขึ้นในสมัยที่ 14
  • ผ่านชมมหาวิหารเซ็นต์ลอว์เรนซ์ (St. Lawrence’s Cathedral) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ใช้เวลาก่อสร้างนับสิบปี ที่มีความงดงามด้วยกรอบและบานประตูหินแกะสลัก มีรูปปั้นสิงโต อดัม & อีฟและรูปสลักนักบุญเซนต์ลอว์เรนซ์องค์สำคัญ ที่ผู้สร้างมหาวิหารแห่งนี้อุทิศให้ ซึ่งปัจจุบันด้วยเอกลักษณ์และความเก่าแก่ของเมืองโทรเกียร์ทำให้ยังได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์การ (UNESCO) ใน ปี 1997
  • มีเวลาให้ท่านเดินเล่นในเมืองเก่า เลือกซื้อสินค้าท้องถิ่นที่ระลึกมากมายในเขตเมืองเก่าโทรเกียร์แห่งนี้
  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองสปลิท (Split) (ระยะทาง 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 45 นาที) เมืองสปลิทเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ เป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของโครเอเชีย สามารถนั่งเรือข้ามฟากระหว่างประเทศไปที่ประเทศอิตาลีได้ ณ เมืองแห่งนี้
  • นำท่านชม พระราชวังดิโอคลีเชี่ยน (Diocletian’s Palace) ที่สร้างขึ้นจากพระประสงค์ของจักรพรรดิ์ดิโอคลีเชี่ยน ที่ต้องการสร้างพระราชวังสำหรับบั้นปลายชีวิตของพระองค์ ซึ่งใช้เวลาในการก่อสร้างถึง 10 ปี ในยุคสมัยของจักรพรรดิ ดิโอคลีเชี่ยน เป็นช่วงยุคสมัยเริ่มต้นของจักรวรรดิโรมันตะวันออก หรือ จักรวรรดิไบเซนไทน์นั่นเอง พระราชวังดิโอเคลเชี่ยนได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1979 (UNESCO)                                                                                                      Diokletians palass – Store norske leksikon
  • ชมห้องโถงกลางซึ่งมีทางเดินที่เชื่อมต่อสู่ห้องอื่นๆ ชมลานกว้างซึ่งล้อมไว้ด้วยเสาหินแกรนิต 3 ด้าน และเชื่อมต่อด้วยโค้งเสาที่ตกแต่งด้วยช่อดอกไม้สลักอย่างวิจิตรสวยงาม
  • อิสระให้ท่านเดินช้อปปิ้งตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
LE MERIDIEN HOTEL SPLIT  ระดับ 5 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

DAY7

สปลิท - โมสตาร์ (UNESCO) (บอสเนีย & เฮอเซโกวีน่า)

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านสู่ เมืองโมสตาร์ (Mostar) (ระยะทาง 166 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม.) โดยระหว่างทางท่านจะผ่านเมืองสวยชื่อว่าเมืองโอมิช (Omis) เป็นเมืองสวยตั้งอยู่ริมทะเลอาเดรียติค ให้ท่านชมวิวระหว่างทาง

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านเดินชมเมือง โมสตาร์ (Mostar) เป็นเมืองที่เคยถูกระเบิดครั้งใหญ่และโดนผลกระทบในช่วงสงครามระหว่างเซิร์บกับโครแอต โมสตาร์เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศ ตั้งอยู่บนแม่น้ำเนเรทวา (Neretva) ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นพรมแดนกั้นวัฒนธรรมของสองท้องถิ่น คือทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจะเป็นส่วนของศาสนาอิสลามคือเป็นส่วนที่เป็นที่ตั้งของสุเหร่าและเตอร์กิสเฮาส์ ส่วนฝั่งตะวันตกจะเป็นส่วนของศาสนาคริสต์แบบคาทอลิก อันเป็นที่ตั้งของโบสถ์และที่อยู่ของนักบวช ปัจจุบันโมสตาร์เป็นเมืองที่สวยงามและโด่งดังที่สุดอีกแห่งหนึ่งประเทศของบอสเนีย คำว่า โมสตาร์ มาจากคำว่า “The Bridge Keepers” หรือแปลว่า ชาวโมสตาร์ที่คอยดูรักษาสะพานที่ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำเนเรทว่าHD wallpaper: mostar, bosnia, stari most, bridge, architecture, herzegovina | Wallpaper Flare
  • อิสระให้ท่านเดินชมเมืองเก่า ให้ท่านเลือกซื้อของที่ระลึก ตามอัธยาศัย

รับประทานอาคารค่ำ ณ ภัตตาคารของโรงแรมที่พัก
MEPAS HOTEL MOSTAR ระดับ 4 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

DAY8

โมสตาร์ - ดูบรอฟนิค (โครเอเชีย) - กำแพงโบราณ - ชมเมืองเก่า

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองดูบรอฟนิค (Dubrovnik) (ระยะทาง 140 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม.) ดูบรอฟนิคหรือไข่มุกแห่งทะเลอาเดรียติก เมืองทางตอนใต้ของสาธารณรัฐโครเอเชีย เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโครเอเชีย และเป็นเมืองที่สวยงามติดอันดับต้นๆของโลก ซึ่งในอดีตเมื่อปี 1991 เมืองดูบรอฟนิค ได้ถูกโจมตีจากกองทหารยูโกสลาฟ บ้านเรือนกว่าครึ่ง อนุสาวรีย์ต่างๆ เสียหาย และทรุดโทรม และหลังจากนั้นในปี 1995 ได้มีการได้มีการลงนามในสนธิสัญญา ERDUT สงบศึก และเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ UNESCO และสหภาพยุโรป ได้ร่วมกันบูรณะ ซ่อมแซม เมืองส่วนที่เสียหายขึ้นใหม่ในระยะเวลาอันสั้น ปัจจุบันเมืองดูบรอฟนิค ก็กลับมาสวยงามอีกครั้ง และปัจจุบันเขตเมืองเก่าที่ได้รับการอนุรักษ์และยกย่องให้เป็นมรดกโลก (Unesco)                        Dubrovnik Destination Guide | Sail Croatia

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

  • นำท่านเยี่ยมชม เมืองเก่าดูบรอฟนิค (Dubrovnik) ถ่ายรูปที่ระลึกบริเวณจัตุรัสกลางเมืองซึ่งเป็นสถานที่นัดพบและประกอบกิจกรรมของชาวเมืองในอดีต รวมถึงสถานที่ลงโทษผู้กระทำผิดด้วย
  • อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปที่ระลึกกับ เสาหินอัศวิน (Orlando Column) หอนาฬิกา (Bell Tower) ที่ตั้งอยู่ปลายสุดของถนนสายหลัก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1444 หน้าปัดทำด้วยเหล็ก มีความพิเศษตรงลูกกลมๆ ใต้หน้าปัดซึ่งแทนพระจันทร์บอกข้างขึ้นข้างแรมในสมัยก่อน และรูปปั้นของ นักบุญ St. Blaise ซึ่งมีโบสถ์ประจำเมืองสไตล์โรมาเนสก์แห่งแรกของเมืองเป็นฉากหลังเพิ่มเสน่ห์มนต์ขลังสวยสดงดงาม
  • จากนั้นนำท่านชมกำแพงเมืองโบราณ ขึ้นชมความสวยงามของแนวหลังคาสีส้มตระหง่านไปทั้งเมืองเก่า กำแพงแห่งนี้มีความยาวรวมกันประมาณ 2 กิโลเมตร ท่านจะได้เพลิดเพลินชมความสวยงาม โดยว่ากันว่าใครมาเมืองดูบรอฟนิคแล้วไม่ได้ขึ้นมาชมกำแพงเมืองโบราณแห่งนี้ ถือว่ามาไม่ถึงดูบรอฟนิคAll About Walls Of Dubrovnik - Guide - WalkInDubrovnik

รับประทานอาหารค่ำ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง พิเศษ กุ้ง LOBSTER ย่าง เสิร์ฟพร้อมสปาเก็ตตี้
DUBROVNIK PALACE HOTEL ระดับ 5 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

DAY9

ดูบรอฟนิค - ขึ้นเคเบิ้ลคาร์ชมวิว - กอเตอร์(UNESCO) (มอนเตเนโกร) - บุดวา

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านขึ้นเคเบิ้ลคาร์ สู่จุดชมวิวบนยอดเขาความสูง 405 เมตร เพื่อชมทัศนียภาพของเมืองแบบพาโนรามา กล่าวกันว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมือง                                                                  Dubrovnik Cable Car. Dubrovnik, Croatia | Dubrovnik Cable Ca… | Flickr
  • อิสระให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย
  • จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่ด้านล่าง นำท่านข้ามพรมแดนสู่ ประเทศมอนเตเนโกร (Montenegro) แปลความหมายเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า BLACK MOUNTAIN หรือ “ภูเขาสีดำ” ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ ปัจจุบันมอนเตเนโกรเป็นประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ และพยายามร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป
  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองกอเตอร์ (Kotor) (ระยะทาง 75 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาที)  มรดกโลก UNESCO แห่งแรกของประเทศมอนเตเนโกรที่ได้รับการรับรองในปี ค.ศ.1979

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านล่องเรือสู่เกาะโบสถ์พระแม่มารีย์แห่งหิน (Our Lady of the Rocks) ตั้งอยู่ที่ Gospa od Škrpjela ณ ใจกลางอ่าวโคเตอร์ เป็นเกาะที่เล็กๆ และเงียบสงบ สร้างขึ้นปี 1632 โดยชาวเวนิสเป็นเหมือนอนุสาวรีย์ที่ช่วยปกป้องรักษาชาวเมืองให้รอดชีวิตจากภัยพิบัติ และอุบัติเหตุต่างๆ
  • ให้ท่านได้ชมโบสถ์พระแม่มารีย์ จากนั้นอิสระให้ท่านตามอัธยาศัย จนกระทั่งได้เวลาพอสมควรนำท่านกลับสู่แผ่นดินใหญ่                                                                                                               Our Lady of the Rocks, Bay of Kotor, Perast, Montenegro - Bing Gallery
  • นำท่านชมเขตเมืองเก่าของกอเตอร์นำท่านชม ST.TRIPHUN CHURCH โบสถ์นิกายคาทอลิก และ ST.NIKOLA CHURCH โบสถ์นิกายออโธดอกซ์
  • นำท่านชมเขตเมืองเก่าของเมืองกอเตอร์ อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกตามอัธยาศัย
  • จากนั้นได้เวลานำท่านสู่ เมืองบุดว่า (BUDVA) (ระยะทาง 25 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที) เป็นเมืองโบราณตั้งอยู่บนชายฝั่งอาเดรียติค  เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดอีกแห่งที่ตั้งอยู่รอบทะเลอาเดรีตติค มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 2,500 ปี ปัจจุบันได้รับฉายาว่าเป็น  ริเวียร่าแห่งมอนเตเนโกร

รับประทานอาหารค่ำ ณ  ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง โรงแรมที่พัก
SPENDID HOTEL BUDVA   ระดับ 5 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

DAY10

บุดว่า - สเวติ สเตฟาน - พอตกอริซ่า - เวียนนา (ออสเตรีย)

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ หมู่บ้านสเวติ สเตฟาน (Sveti Stefan) ที่เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของประเทศมอนเตเนโกร เพราะความน่าสนใจตรงที่เป็นเกาะที่มีถนนเชื่อมต่อกับชายฝั่ง หลังคาบ้านเรือนทำจากดินเผาสีส้ม ตัดกับสีน้ำทะเล จึงได้บรรยากาศที่ดูเป็นส่วนตัว และที่นี่ยังจัดเป็นรีสอร์ทอีกด้วย โดยเมื่อก่อน สมัยศตวรรษที่ 15 หมู่บ้านสเวติ สเตฟาน (Sveti Stefan) เคยเป็นชุมชนชาวประมงแบบเรียบง่าย แต่ก็น่าเศร้าที่ชาวบ้านถูกขับไล่ เพื่อสร้างเกาะดังกล่าวให้เป็นโรงแรมเหมือนอย่าง ปัจจุบัน โดยแขกคนดังที่เคยมาเข้าพัก ส่วนมากจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น มาริลีน มอนโรและเคิร์ก ดักลาส และทางเกาะไม่อนุญาตให้เข้าชม ยกเว้นผู้ที่พักรีสอร์ทในเกาะเท่านั้น                              File:Sveti Stefan 2.jpg - Wikimedia Commons
  • เมื่อได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ กรุงพอดกอริซ่า เมืองหลวงของประเทศมอนเตเนโกร

 รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติ พอดกอรีซ่า ณ เมืองหลวงของประเทศมอนเตเนโกร
  • 15.00 น. ออกเดินทางสู่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยสายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ เที่ยวบิน OS 728
  • 16.25 น. เดินทางถึง กรุงเวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย นำท่านตรวจรับสัมภาระ

รับประทานอาหารค่ำ ณ  ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
RADISSON RED VIENNA HOTEL ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

DAY11

เวียนนา - ชมเมือง - Parndorf Outlet - สนามบิน

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านชมกรุงเวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย เมืองแห่งเสียงดนตรีคลาสสิค และเป็นดินแดนในฝันของนักท่องเที่ยวอีกมากมายที่ต่างพากันมาเยือนดินแดนอันแสนโรแมนติค
  • นำท่านผ่านชมความงามของอาคารสำคัญๆ อาทิ อาคารรัฐสภา โรงละครโอเปร่า ศาลาว่าการนครเวียนนา พระราชวังหลวง ฯลฯ ผ่านชมแม่น้ำดานูบที่มีชื่อเสียงและท่านจะได้เห็นที่ทำการขององค์การสหประชาชาติ สาขาที่ 3 ที่ตั้งสูงตระหง่านอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบ ย่านใจกลางเมืองบน ถนนคนเดิน คาร์ทเนอร์สตราเซ่  ที่มีร้านค้านานาชนิด และยังเป็นที่ตั้งของ วิหารเซนต์สตีเฟ่นโบสถ์ใหญ่ในศิลปะแบบโกธิค
  • จากนั้นอิสระทุกท่านเลือกสินค้า เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า สินค้าแบรนด์เนมมากมาย เช่น Luis Vutton, Gucci,Chanel,Zara,H&M  และนาฬิกาหลากหลายยี่ห้ออาทิเช่น ROLEX,PANERIA,PATEK PHILIPPE, ตามอัธยาศัยหรือท่านอาจใช้เวลาว่างซื้อซัคเคอร์เค้ก เค้กช็อคโกแลต ชื่อดัง มาทดลองชิมหรือจะซื้อเป็นของฝากทางบ้าน

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พาร์นดอร์ฟเอาท์เลท (PARNDORF OUTLET) สถานที่ช้อปปิ้งเอาท์เลทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศออสเตรีย มีสินค้าหลากหลายให้ท่านเลือกซื้อในราคาถูกมากมาย  อิสระให้ทุกท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย

**เพื่อความสะดวกในการช้อปปิ้งของท่าน อิสระมื้อเย็นตามอัธยาศัย**

  • 19.00 น. จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางออกสู่สนามบินเวียนนา
  • 23.25 น. ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ เที่ยวบิน OS 025

** หมายเหตุ บางวัน AUSTRIAN AIRLINE มีไฟลท์บิน OS015 เวลาออก 20.15 น. **

DAY12

สนามบินสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ)

  • 14.40 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพและความประทับใจ…


แชร์ให้เพื่อน